ภาคการท่องเที่ยวถือเป็นอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งจากการคาดการณ์ของศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า การท่องเที่ยวไทยจะทยอยฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง และสูญเสียเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวราว 4 แสนล้านบาทจากวิกฤติครั้งนี้
ทำให้หน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลโดยตรงอย่าง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ต้องปฏิบัติงานเชิงรุก ด้วยการจับมือผู้ประกอบการท่องเที่ยว อาทิ สมาคมโรงแรมไทย(ทีเอชเอ) สมาคมสวนสนุกและสวนพักผ่อนหย่อนใจ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน)หรือทีเส็บ ผลักดันโครงการ Amazing Thailand Safety & Health Administration (SHA) และการสร้างสมดุลเชิงโครงสร้างใหม่เพื่อการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน ด้วยกลยุทธ์ 5R (Reboot , Rebuild , Rebrand , Rebound , Rebalance) เพื่อสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยในการใช้บริการให้แก่นักท่องเที่ยว
โดยสิ่งที่แตกต่างจากเดิมคือนอกจากธุรกิจจะมีมาตรฐานของตัวเองแล้ว ยังต้องเพิ่มมาตรฐานการป้องกันโรคโควิด-19 ตามประกาศของกรมอนามัยเข้าไปอีกด้วย ที่น่าสนใจคือธุรกิจที่ได้รับตราสัญลักษณ์ SHA จะได้รับการโปรโมตจาก ททท. ไปทั่วโลก ถือเป็นความพยายามในการสร้างมาตรฐานใหม่ให้เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวท่ามกลางวิกฤติที่เกิดขึ้น
เช็กสัญญาณท่องเที่ยวไทย หลัง Covid-19 พ่นพิษ
การแพร่ระบาดของ Covid-19 ส่งผลให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจไปทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย เห็นได้จากตัวเลขผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิประโยชน์กรณีว่างงานเฉพาะเดือน มี.ค. และเดือน เม.ย. เพิ่มสูงถึง 267,351 ราย ซึ่งอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยถือเป็นแหล่งรายได้สำคัญที่มีเม็ดเงินมหาศาล ทำให้ถูกมองว่าจะเป็นโอกาสที่จะสามารถฉุดเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวได้
โดยทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวชาวจีนน่าจะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยอย่างเร็วที่สุดประมาณเดือน ต.ค. 63 และอย่างช้าที่สุดคือในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีหน้า เพราะแม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศจีนจะผ่อนคลายไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังคงมีการพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม ทำให้ทางการจีนต้องเข้ามาควบคุมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดระลอกสอง
สำหรับการประเมินว่ารายได้จากการท่องเที่ยวในปีนี้ ททท. คาดว่าจะลดเหลือ 1.14 ล้านล้านบาท ลดลงจากปี 62 ที่ทำรายได้ราว 3 ล้านล้านบาท และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะลดลงเหลือ 16 ล้านคน ต่ำกว่าเป้าหมายเดิม ที่คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในไทยกว่า 39.8 ล้านคน
ข้อมูลที่น่าสนใจคือแนวโน้มของนักท่องเที่ยวในประเทศน่าจะลดลงเหลือ 68 ล้านคนต่อครั้ง ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่คาดว่าจะมีจำนวนกว่า 160 ล้านคนต่อครั้ง แต่ก็เป็นส่วนช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศราว 4 แสนล้านบาท
ขณะที่นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) ประเมินว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนจะเป็นกลุ่มแรกที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทย แต่ก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวก ซึ่งจะเป็นการเดินทางมาเป็นกลุ่มเล็กหรือเที่ยวด้วยตัวเอง ทั้งยังปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจากการมาชอปปิ้งเป็นการมาพักผ่อนมากขึ้น ดังนั้นธุรกิจทัวร์จึงต้องปรับตัวและเปลี่ยนแพ็กเกจให้เหมาะสมด้วย
โดยในมุมมองของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวอย่าง “ควอลิตี้ เอ็กซ์เพรส” ประเมินว่า การที่นักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาเที่ยวประเทศไทยนั้นอาจไม่ง่ายนัก เพราะรัฐบาลจีนยังคงมีมาตรการคุมเข้มอยู่ ทำให้การตัดสินใจเปิดเดินทางระหว่างประเทศยากขึ้น รวมถึงความขัดแย้งระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาที่อาจจะรุนแรงมากขึ้น กรณีจีนถูกกล่าวหาว่าเป็นแหล่งแพร่เชื้อโควิด-19 ซึ่งอาจจะนำไปสู่สงครามการค้าและทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกถดถอย จึงยังไม่สามารถสรุปสถานการณ์ในอนาคตได้ในขณะนี้ เพราะกว่าการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวอีกครั้งคงต้องรอไปจนกว่าจะสามารถผลิตวัคซีนหรือยารักษาได้
Credit : kaohoon, prachachat